;
RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบในผู้ป่วยทุกอายุ การติดเชื้อ RSV เกิดซ้ำได้ตลอดชีวิต เด็กติดเชื้อ RSV มากที่สุดในช่วงอายุ 6 สัปดาห์ถึง 8 เดือน เด็กทุกคนเคยติดเชื้อ RSV แล้วอย่างน้อย 1 ครั้งเมื่ออายุ 3 ปี
ผู้ป่วยทุกคนที่ติดเชื้อ RSV จะมีน้ำมูกใส ไอ ในเด็กเล็กถ้าเป็นการติดเชื้อครั้งแรกจะพบหลอดลมอักเสบและปอดอักเสบ ( ปอดบวม ) ได้ 20 % -30 %
ระยะฟักตัว
ตั้งแต่ได้รับเชื้อ RSV จนเกิดอาการประมาณ 2 – 8 วัน ( ส่วนใหญ่ 4 – 6 วัน )
อาการ
อาการเริ่มแรกของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV คือ มีไข้ต่ำๆ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล จะมีอาการประมาณ 2 - 4 วัน จากนั้นการดำเนินโรคของทางเดินหายใจส่วนล่างก็จะเริ่มมีมากขึ้น จะมีอาการไข้สูง ไอมากขึ้นร่วมกับมีเสมหะ ไอหอบ กล่องเสียงอักเสบ หลอดลมอักเสบ หายใจหอบเหนื่อย มักหายใจมีเสียงวิ๊ดๆ หน้าอกบุ๋ม เด็กที่มีอาการรุนแรงจะซึมลง ตัวเขียว กินอาหารได้น้อยลง
การติดต่อ
เชื้อ RSV เข้าสู่ร่างกายทางตา จมูก และติดต่อจากคนสู่คน ดังนี้ ละอองฝอย โดยการไอหรือจาม ทำให้เชื้อ RSV ที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยกระจายออกไปไกล 1 – 2 เมตร การสัมผัสโดยมือสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยโดยตรงหรือผ่านของเล่น เครื่องใช้รอบตัวผู้ป่วยที่มีเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยติดอยู่ (เชื้อ RSV สามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง)
ผู้ป่วยแพร่เชื้อ RSV ได้นาน 3 – 8 วัน ส่วนเด็กเล็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องนั้นแพร่เชื้อได้นาน 3 – 4 สัปดาห์
การติดเชื้อซ้ำ
อาการแทรกซ้อน
ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาเชื้อไวรัส RSV โดยตรง มีแต่การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ ได้แก่ การให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาขยายหลอดลม บางรายอาจต้องให้ออกซิเจน ถ้ามีเสมหะมาก อาจต้องทำการเคาะปอดและดูดเสมหะออก
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV แล้วจะมีอาการรุนแรงและมีภาวะแทรกซ้อนได้สูง ได้แก่
มักจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ไข้สูง อาเจียนมาก ดูดนมไม่ได้ หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ซึม กระสับกระส่าย ท้องอืด
การป้องกัน